กกพ. ไฟเขียวคัดเลือก 43 ราย ร่วมโครงการโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) เมื่อวันที่ 23 ก. ย. 2564 นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ. ) ได้ลงนามประกาศผลการคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) จำนวน 43 ราย จากจำนวนผู้สมัครที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค 169 ราย ซึ่งเป็นตามที่คณะอนุกรรมการจะนำเสนอรายชื่อให้ทางเมื่อวันที่ 22 ก. 2564 ทั้งนี้ ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ ทั้งหมดจะต้องยอมรับเงื่อนไขการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ภายใน 7 วันและลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ภายใน 120 วัน หลังประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ โดยกําหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ภายใน 36 เดือนนับจากวันลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หรือภายในวันที่ 21 มกราคม 2568 อย่างไรก็ตาม หากผู้เสนอราคารายใดมีข้อสงสัยและต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการพิจารณาด้านราคาสามารถติดต่อสำนักงาน กกพ. ได้ที่ 0-2207-3599 ต่อ 855 ในวันทำการ เวลา 09. 30–15. 30 น. "สำนักงาน กกพ. จะดำเนินการจัดสัมมนาผู้ผ่านการคัดเลือกเพื่อชี้แจงแนวทางในการพัฒนาโครงการตาม พ.
50 เมกะวัตต์ (ค่าไฟฟ้าเสนอขายเฉลี่ย 3. 1831 บาทต่อหน่วย) แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าชุมชนประเภทชีวมวล 16 ราย ปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายรวม 75. 00 เมกะวัตต์ (ค่าไฟฟ้าเสนอขายเฉลี่ย 2. 7972 บาทต่อหน่วย) และโรงไฟฟ้าชุมชนประเภทก๊าซชีวภาพรวม 27 ราย ปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายรวม 74. 50 เมกะวัตต์ (ค่าไฟฟ้าเสนอขายเฉลี่ย 3. 5717 บาทต่อหน่วย) ตามกรอบเป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้าที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช. ) กำหนดเป้าหมายจากเชื้อเพลิงชีวมวล 75 เมกะวัตต์ และเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ 75 เมกะวัตต์ สามารถแยกเป็นรายภาคได้ดังนี้ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน เพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) ผ่านการคัดเลือก ภาคเหนือ: โรงไฟฟ้าประเภทชีวมวล 2 7. 75 และโรงไฟฟ้าประเภทก๊าซชีวภาพ 9 24. 00 ภาคกลาง: โรงไฟฟ้าประเภทชีวมวล 2 12. 00 และโรงไฟฟ้าประเภทก๊าซชีวภาพ 5 15. 00 ภาคอีสาน: โรงไฟฟ้าประเภทชีวมวล 6 29. 40 และโรงไฟฟ้าประเภทก๊าซชีวภาพ 7 20. 00 ภาคตะวันตก: โรงไฟฟ้าประเภทชีวมวล 1 6. 00 และโรงไฟฟ้าประเภทก๊าซชีวภาพ 2 5. 00 ภาคใต้: โรงไฟฟ้าประเภทชีวมวล 5 19. 85 และโรงไฟฟ้าประเภทก๊าซชีวภาพ 4 10. 50 ไม่พลาดข่าวสำคัญ เจาะลึกทุกประเด็น เพิ่มเราเป็นเพื่อนทาง @prachachat
แบบธรรมดา 2 - 4 วัน ฿22. 00 สามารถเก็บเงินปลายทางได้ ส่งสินค้าคืนร้านค้าได้โดยตรงภายใน 7 วัน เหตุผลเปลี่ยนใจสามารถใช้ได้ เฉพาะสินค้าที่ยังไม่ถูกเปิดและอยู่ในสภาพสมบูรณ์ การรับประกันโดยผู้ขายในประเทศ 1 Year สิทธิพิเศษลูกค้าใหม่ลดสูงสุด 50% เฉพาะในแอปเท่านั้น สแกนผ่านโทรศัพท์มือถือ คะแนนร้านค้า 96% จัดส่งตรงเวลา 93% อัตราการตอบแชท 91%
ตลาดของกล้อง CCTV กำลังเติบโตอย่างมากในปัจจุบัน กล้อง CCTV ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์หลากหลายกลุ่มลูกค้า สามารถจำแนกตลาดผู้บริโภคคร่าวๆ ออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่ม Small IoT เป็นกลุ่มลูกค้าครัวเรือนที่กำลังเติบโตอย่างมากในปัจจุบัน เน้นฟังก์ชันด้านไลฟ์สไตล์ หาซื้อง่าย และติดตั้งได้ไม่ยาก มีราคาเพียงพันกว่าบาทขึ้นไป 2. กลุ่ม Home Useเป็นกลุ่มลูกค้าโครงการที่อยู่อาศัย เน้นคุณภาพของกล้องเป็นหลักและเริ่มมีการนำศูนย์สั่งการ (Security Operation Center หรือ SOC) เข้ามาช่วยควบคุมและดูแลรักษาความปลอดภัยแก่ลูกบ้าน 3. กลุ่ม Business Use เป็นกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลาง เช่น อาคารสำนักงาน โรงงาน โรงพยาบาล รวมถึงโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่และคอนโดมิเนียมที่ต้องการภาพคุณภาพสูง โดยจะติดตั้งกล้องประมาณ 64-200 ตัว 4. กลุ่ม Enterprise Use เป็นกลุ่มลูกค้าองค์กรหรือธุรกิจขนาดใหญ่ มักเป็นสถานที่ที่ต้องการใช้กล้องตั้งแต่ 200 ตัวขึ้นไป เช่น ศูนย์ราชการ ห้างสรรพสินค้า สนามบิน สนามกีฬา เน้นความปลอดภัยขั้นสูงสุดและคำนึงถึงระบบรักษาความปลอดภัยครบวงจร 2.
ร. บ. การประกอบกิจการพลังงาน พ. ศ.