ของเหลวจากส่วนของพลาสมา เคลื่อนตัวผ่านผนัง capillaries มายัง interstitial spaces มากกว่าปกติ: โดยธรรมชาติแล้วของเหลวในส่วนของ extracellular spaces จะกระจายตัวกันอยู่ตาม interstitium และ plasma และมีแรงดันต่างๆ ที่ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของของเหลวไปตามจุดอื่นๆ 2.
Hyponatremia: นี่คือภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ ปกติร่างกายเราจะมีสมดุลของ แร่ธาตุ ต่างๆ อยู่ในระดับที่ส่งเสริมให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติ เมื่อมากไปหรือน้อยไปก็ส่งผลให้ระบบรวนได้ทั้งหมด อาการที่สังเกตได้ของคนที่มีภาวะโซเดียมในเลือดต่ำก็คือ มักมีอาการปวดศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุ กล้ามเนื้อกระตุก มีอาการอ่อนล้าหมดแรงอยู่บ่อยๆ สาเหตุของการเกิด Hyponatremia ได้แก่ ดื่มน้ำน้อยเกินไปจนเกิดอาการขาดน้ำ ระดับฮอร์โมนผิดปกติไปจากเดิม อวัยวะในกลุ่มหัวใจ ไต และตับมีปัญหา ไปจนถึงการใช้ยาและสารเสพติดบางชนิด 2. Tissue metabolism ลดน้อยลง: ภายในกล้ามเนื้อจะมีกระบวนการหนึ่งที่เรียกว่า metabolism ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเผาผลาญพลังงานและการนำสิ่งที่ต้องการไปใช้ประโยชน์ หากกระบวนการ metabolism ลดน้อยลงกว่าปกติ ก็จะทำให้เซลล์ขาดพลังงานแล้วขับโซเดียมออกไปจากเซลล์น้อยลง เพื่อพยายามรักษาสมดุลแร่ธาตุในร่างกายเอาไว้ ดังนั้นความเข้มข้นระหว่างภายในและภายนอกเซลล์จึงแตกต่างกัน ภายในมีความเข้มข้นมากกว่าภายนอก ส่งผลให้ของเหลวไหลเข้าสู่ภายในเซลล์ กลายเป็น อาการบวมในที่สุด 3. เซลล์ขาดสารอาหาร: เมื่อเซลล์ขาดสารอาหารก็จะเกิดกระบวนการเช่นเดียวกับการที่ metabolism ลดน้อยลง มันเป็นธรรมชาติของร่างกายที่จะรักษาสิ่งที่มีอยู่เอาไว้ให้ได้มากที่สุดทันทีที่เห็นสัญญาณของความขาด ดังนั้นในกรณีนี้เซลล์จะพยายามรักษาสารอาหารเอาไว้ในเซลล์ ไม่ปล่อยออกมาในอัตราปกติ จึงเกิดความต่างระดับของความเข้มข้นภายในเซลล์กับภายนอกเซลล์ และของเหลวก็จะไหลเข้าสู่ภายในเซลล์นั่นเอง อาการบวมน้ำภายนอกเซลล์ ( Extracellular edema) อาการบวมที่เกิดจากการเพิ่มปริมาณของเหลวภายนอกเซลล์ หรือบริเวณที่เรียกว่า extracellular spaces จะมีปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดค่อนข้างต่างจาก Intracellular edema พอสมควร ดังนี้ 1.