เงิน 5% (ประมาณ 750 บาท) ที่เราถูกหักออกจากเงินเดือนทุกเดือน ส่วนหนึ่งจำนวน 3% ของฐานเงินเดือน (ประมาณ 450 บาท) จะถูกหักไปอยู่ในส่วนของเงินออมชราภาพ และจะได้รับเงินคืนเมื่อถึงวัยเกษียณ โดยผู้ที่มีสิทธิจะได้รับเงินเกษียณประกันสังคมก็ได้แก่ เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา หรือผู้ประกันตนมาตรา 39 มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง เงินออมชราภาพที่จะได้รับ จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ "เงินบำเหน็จ" ที่จะจ่ายเป็นก้อนครั้งเดียว และ "เงินบำนาญ" ที่จะทยอยจ่ายเป็นรายเดือนตลอดชีวิต 1. เงินบำเหน็จ แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ จะได้รับเมื่อ จ่ายเงินสมทบไม่ถึง 180 เดือน หรือ 15 ปี แต่ไม่เกิน 12 เดือน จะได้เป็นบำเหน็จตามจำนวนที่จ่ายจริง เช่น จ่ายเงินสมทบ 450 บาทต่อเดือน ส่งเป็นระยะเวลา 11 เดือน ก็จะได้เงินเท่ากับ 450 x 11 = 4, 590 บาท จ่ายเงินสมทบไม่ถึง 180 เดือน หรือ 15 ปี และเกิน 12 เดือน จะได้ เงินสมทบของตัวเอง, นายจ้าง และรัฐบาล + ผลประโยชน์หมายถึงกำไรจากที่ประกันสังคมเอาเงินไปลงทุน ซึ่งอาจจะอยู่ราว 3-6% รวม ๆ แล้วก็หลายแสนบาท 2. เงินบำนาญ จะได้รับจะมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ส่งเงินสมทบและฐานเงินเดือน ซึ่งสามารถคำนวณได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ ดังนี้ จ่ายเงินสมทบ 180 เดือน หรือ 15 ปี พอดีเป๊ะ จะได้รับบำนาญ 20% ของค่าจ้างโดยเฉลี่ย (สูงสุด 15, 000 บาท) วิธีคำนวณ คือ เงินเดือน x 20% ยอกตัวอย่างเช่น 15, 000 x 20% เท่ากับจะได้รับเงินบำนาญเดือนละ 3, 000 บาท ตลอดชีวิต จ่ายเงินสมทบมากกว่า 180 เดือน หรือ 15 ปี จะได้รับบำนาญ 20% บวก 1.
8x1. 8 เมตร "สิ่งที่ยากที่สุดไม่ใช่การปูกระเบื้อง แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการรื้อกระเบื้องแผ่นแรก" แม่กับแฟนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "แน่ใจใช่มั้ย? "
ทหารอดทน" ที่สามารถทำเงินได้สูงถึงแผ่นละ 20, 000 บาท:: Text by FLASH >> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ หรือ App Store ได้แล้วที่ celeb online ipad edition